กล้องวงจรปิดในบ้าน (CCTV: Close Circuit Television) มีประโยชน์ในการบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งในเวลาที่เจ้าของบ้านอยู่ หรือ เวลาออกไปทำธุระนอกบ้าน เป็นอุปกรณ์สำคัญไปแล้วในปัจจุบัน ด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของการอยู่อาศัยที่เจ้าของบ้านไม่ได้อยู่บ้านทั้งวัน หรือครอบครัวที่มีขนาดเล็กลงไม่มีใครอยู่เฝ้าบ้าน หรือ แม้แต่การใช้เพื่อเฝ้าดูผู้สูงอายุจากระยะไกล ซึ่งมีเพื่อนของแอดมินบางคนติดตั้งกล้องวงจรปิดด้วยเหตุผลนี้คือ ต้องการดูหรือคุยผ่านกล้อง (Video Call) กับ พ่อ-แม่ ที่อยู่บ้านต่างจังหวัดได้บ่อยๆ
กล้องวงจรปิดมีหลายประเภท สำหรับที่นิยมใช้กันมากคือ แบบกล้อง 4 ตัวและอุปกรณ์บันทึกผ่านสายสัญญานเฉพาะที่ลากจากจุดติดตั้งกล้องมายังกล่องบันทึก (NVR: Network Video Recorder) แบบนี้จะมีราคารวมค่าติดตั้งราว ๆ หนึ่งหมื่นบาทขึ้นไป ราคาจะต่างกันตามคุณภาพของกล้อง (ความละเอียด ความทนทาน) และ ค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง แบบนี้จะมีจุดเด่นในด้าน “ความเสถียร” ของระบบ สามารถดูเหตุการณ์ย้อนหลังได้เป็นเดือนจากข้อมูลที่บันทึกในฮาร์ดดิสถ์ที่ติดตั้งในกล่องบันทึก แต่จะมีจุดอ่อนเรื่องความยืดหยุ่นในการใช้งาน เช่น การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งติดตั้ง เป็นต้น ซึ่งก็มีผลิตภัณฑ์เข้ามาแก้ไขจุดอ่อนนี้คือกล้อง Wi-Fi Camera ระบบลักษณะนี้จะมีกล้องที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ตแบบไร้สาย (Wi-Fi) ที่มีจุดเด่นเรื่องการติดตั้งง่าย ขอเพียงมีจุดต่อปลั๊กไฟฟ้า และสัญญานเครือข่ายไร้สาย (Wi-Fi) ก็ใช้งานได้แต่จะมีจุดอ่อนด้านการแสดงผลตามเวลาจริงที่หน้าจอ (Real-time Monitoring) ที่จะไม่เนียนสมูทเหมือนแบบแรกแต่ข้อมูลที่ได้จากการบันทึกจะเหมือนกันทุกประการ ในกล้องบางรุ่นจะเพิ่มการใส่การ์ดหน่วยความจำที่หัวกล้องได้ด้วย เพื่อให้สามารถดึงข้อมูลออกมาได้กรณีกล่อง NVR เกิดความเสียหายหรือสูญหายไป
แบบที่ติดตั้งง่าย ทำได้เอง คือ กล้องติดตั้งภายใน (In-door Camera) มีทั้งแบบกล้องโรบอท (Robot) ที่สามารถหมุนเปลียนมุมมองได้เกือบ 360 องศา หรือ กล้องตาปลา (Fish Eyes) ที่ให้มุมมองที่กว้างคล้ายกับการดูจากกล้องเลนส์ไวด์ ทั้งสองแบบมีลักษณะเป็นกล้องติดตั้งภายในบ้าน เชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตไรสาย (Wi-Fi) ในบ้าน เพียงดาวน์โหลดโปรแกรมจากอินเตอร์เน็ตและติดตั้งโปรแกรมในโทรศัพท์มือถือ ก็ใช้งานได้เลย ดูเหตุการณ์ต่างๆ ได้จากระยะไกล เช่น เมื่ออยู่นอกบ้าน เดินทางไปต่างประเทศ ผ่านสัญญานอินเตอร์เน็ต อีกทั้งยังสามารถดูเหตุการณ์ย้อนหลังได้ในช่วงเวลานึง เช่น 24 ชั่วโมง หรือ 1 สัปดาห์ โดยจะขึ้นอยู่กับขนาดของการ์ดหน่วยความจำที่เพิ่มในตัวกล้อง มีจุดเด่นด้านความง่ายในการติดตั้ง และ ใช้งาน และ ความยืดหยุ่นในการวาง คือสามารถนำไปติดตั้งที่ใดในบ้านก็ได้ที่มีปลั็กไฟ และสัญญาน Wi-Fi ครอบคลุมไปถึงจุดที่ติดตั้งกล้อง ที่สำคัญคือ มีราคาที่ไม่แพง
แบบที่ซับซ้อนขึนมาอีกนิดคือ เป็นอุปกรณ์ในกลุ่มสมาร์ทโฮม (Smart Home) ที่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมระบบต่าง ๆ ในบ้านให้เป็นระบบอัตโนมัติ เช่น แสงสว่าง สัญญานกันขโมย ฯลฯ โดยจะเป็นทั้งกล้องติดตั้งภายใน และ ภายนอก แบบนี้จะมีลักษณะคล้ายกับกล้องติดตั้งภายในที่กล่าวข้างต้น แต่จะมีจุดเด่นในเรื่องการทำงานที่เชื่อมกับอุปกรณ์อื่นๆ ในระบบสมาร์ทโฮม เช่น เมื่อมีการตรวจจับพบการเคลื่อนไหวก็ส่งสัญญานไปยังอุปกรณ์อื่นให้ทำงานเช่น การเปิดไฟ หรือ ส่งเสียงเตือน เป็นต้น โดยมีข้อสังเกตุคือต้องใช้ร่วมกับอุปกรณ์ในระบบสมาร์มโฮม เพื่อให้ได้ฟังก์ชันตามที่กล่าวมาข้างต้น
หากถามว่า “จะเริ่มต้นอย่างไร ?” แอดมินแนะนำให้ดูจากความต้องการและงบประมาณเป็นหลัก หากต้องการเพียงการดูบางจุดในบ้านแนะนำให้ใช้กล้องติดตั้งภายใน เริ่มต้นตัวเดียวก่อน แอดมินมีเพื่อนที่มีประสบการณ์ติดตั้งกล้องภายในเพียงตัวเดียว แล้วมีผู้บุรุกเข้ามาในบ้านช่วงออกไปทำงาน ก็สามารถนำวิดิโอที่บันทึกในเมโมรีการ์ดมาเป็นหลักฐานได้ แต่หากมีความซีเรียสในเรื่องการเก็บหลักฐาน เช่น บ้านที่มีผู้เข้า-ออกหลากหลาย บ้านที่อยู่ห่างไกลจากชุมชน หรือ บ้านที่ทำเป็นสำนักงานด้วย ฯลฯ ก็ให้พิจารณากล้องชุด 4 ตัวที่มีกล่องบันทึกจะเหมาะกับการใช้งาน ส่วนหากต้องการความเป็นอัตโนมัติในบ้าน แนะนำให้เลือกกล้องในกลุ่มสมาร์ทโฮมที่สามารถต่อขายและปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมและไลฟสไตล์ของการอยู่อาศัยได้ ซึ่งขอให่นึกเสมอว่า “ไม่มีอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีใดที่ดีที่สุด แต่จะมีอุปกรณ์ที่เหมาะกับความต้องการของเราที่สุด” แน่นอนครับ